เห็ดหลินจือ สุดยอดสมุนไพรจีน ยาอายุวัฒนะ สรรพคุณเลิศ
เห็ดหลินจือมาจากไหน ทำไมถึงได้รับความนิยม เห็ดหลินจือ (Lingzhi mushroom หรือ Reishi mushroom) เป็นเห็ดหายากมีคุณค่าสูง เป็นสมุนไพรจีนที่ใช้ทำเป็นยาเพื่อรักษาทางการแพทย์ของจีนมานานกว่า 2,000 ปี เนื่องจากมีสารประกอบสำคัญที่มีคุณประโยชน์ต่อร่างกาย มีสรรพคุณบำรุงร่างกายใช้เป็นยาอายุวัฒนะทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง และยังสามารถยับยั้ง และช่วยรักษาโรคต่างๆ ได้มากมาย
ลักษณะภายนอกของเห็ดหลินจือ เป็นเห็ดที่มีขนาดใหญ่ มีสีเข้ม มีพื้นผิวมันวาว คล้ายแผ่นไม้ และมีรสขม หลายคนอาจสงสัยว่ามีกี่ชนิด จากข้อมูลที่บันทึกไว้พบว่า มีขึ้นอยู่ตามธรรมชาติมากกว่า 100 สายพันธุ์ แต่สายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมนำมาบริโภคและมีสรรพคุณทางยาดีที่สุดคือ เห็ดหลินจือแดง (Ganoderma lucidum) ที่เราคุ้นหูนั่นเอง
เห็ดหลินจือมีสารสำคัญหลายชนิด โดยจำแนกออกเป็น 4 กลุ่มใหญ่คือ
- โพลีแซคคาไรด์ (Polysaccharides) มีฤทธิ์เสริมระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย เสริมสร้างเม็ดเลือดขาว บำรุงตับ ช่วยขับพิษออกจากร่างกาย ละลายลิ่มเลือด ลดอาการหลอดเลือดตีบ ลดความดันโลหิต ช่วยลดน้ำตาลในเลือด บรรเทาอาการเบาหวาน
- ไตรเทอร์พีนอยด์ (Triterpenoid) มีกรดกาโนเดอริค ที่ช่วยป้องกันโรคภูมิแพ้ ช่วยลดความดันโลหิต และช่วยลดไขมันในเลือด นอกจากนี้ยังช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งตับ และต้านสารพิษที่มีต่อตับ
- เยอร์มาเนียม (Gemanium) พบมากในโสม กระเทียม และเห็ดหลินจือ เสริมสร้างภูมิต้านทานของร่างกาย กระตุ้นให้เม็ดเลือดแดงรับออกซิเจนได้มากขึ้น มีงานวิจัยหลายแห่งพบว่าเซลล์มะเร็งมักไม่ชอบเจริญเติบโตในที่ที่มีออกซิเจน สารเยอร์มาเนียมจึงนับเป็นตัวช่วยต้านมะเร็งอย่างดี
- นิวคลีโอไทด์ (Nucleotide) ออกฤทธิ์บรรเทาอาการเจ็บปวด ป้องกันลิ่มเลือดแข็งตัวในเส้นเลือด ช่วยลดความเสี่ยงโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต และยังช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อไวรัสอีกด้วย
นอกจากนี้ใน เห็ดหลินจือยังมีสารประกอบแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายอีกหลายชนิด ได้แก่ วิตามิน เกลือแร่ กรดอะมิโน กรดไขมัน ใยอาหาร เอนไซม์ สารออร์โกสเตอรอล วิตามิน แร่ธาตุ และโปรตีนในปริมาณสูงเพียงพอที่จะเสริมภาวะขาดแคลนต่างๆของร่างกาย รวมทั้งมีสารอื่นๆ อีกมากที่มีส่วนช่วยแก้ไขระบบเผาผลาญอาหารให้คืนสู่สภาวะปกติ
10 ข้อเด่น สรรพคุณเห็ดหลินจือ
โดยในสมัยโบราณตามตำรับยาระบุไว้ว่า สรรพคุณเห็ดหลินจือ สามารถนำมาใช้รักษาและป้องกันโรคได้หลากหลาย โดยมีสรรพคุณหลัก 10 ข้อดังนี้
- ใช้เป็นยาบำรุงร่างกาย ยาอายุวัฒนะ บรรเทาอาการอ่อนเพลีย
- ช่วยทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ดูแจ่มใส และชะลอความแก่
- ป้องกันการเสื่อมสรรถภาพทางเพศ
- ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด และทำให้กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรงขึ้น
- ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย กระตุ้นให้เม็ดเลือดขาวสร้างสารต้านมะเร็ง
- ลดความดันโลหิต รักษาโรคความดันโลหิตสูง ปรับความดันโลหิตให้สมดุล
- ป้องกันเส้นเลือดในสมองและหัวใจอุดตัน ป้องกันอัมพฤกษ์ อัมพาต
- ช่วยลดไขมันในเลือด ลดระดับน้ำตาลในเลือด ควบคุมเบาหวาน
- ช่วยรักษาโรคภูมิแพ้ และหอบหืด
- บำรุงและรักษาโรคตับต่างๆ ทั้งตับแข็ง ตับอักเสบ และช่วยล้างพิษให้ร่างกาย
ในปัจจุบันเริ่มมีผลงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ออกมารองรับ สรรพคุณเห็ดหลินจือ มากขึ้นเรื่อยๆ มากกว่า 200 รายการจากทั่วโลก อีกทั้งมีการตรวจสอบทางด้านพิษวิทยาพบว่าเห็ดชนิดนี้เป็นสมุนไพรที่มีความปลอดภัย ไม่มีอันตรายต่อร่างกายแต่อย่างใด
เคสตัวอย่าง ประโยชน์ของเห็ดหลินจือ
- ช่วยรักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ จากการทดลองให้กลุ่มผู้ป่วยโรครูมาตอยด์ พบว่าเห็ดชนิดนี้มีสรรพคุณลดอาการปวดของผู้ป่วยได้โดยไม่มีผลข้างเคียงใดๆ อีกด้วย
- ใช้แก้พิษจากการทำคีโม ประโยชน์ของเห็ดหลินจือ พบว่าในผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ระหว่างการรักษาด้วยการทำคีโมพบว่ามีผลช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย ลดอาการข้างเคียงจากการทำคีโม โดยจะช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน มีผลเพิ่มระดับเม็ดเลือดขาวชนิด lymphocyte เนื่องจากเห็ดหลินจือมีสารกลุ่มโพลีแซกคาไรด์ (Polysaccharides) ซึ่งเป็นสารที่ออกฤทธิ์ต้านการเกิดเนื้องอกได้ดี รวมถึงมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญและลุกลามของเซลล์มะเร็งอีกด้วย
- เพิ่มคุณภาพชีวิตให้ผู้ติดเชื้อ HIV เพราะในเห็ดชนิดนี้มีสารประกอบแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายหลายชนิดที่มีประโยชน์ จึงช่วยยืดเวลาเจ็บป่วยจากโรคแทรกซ้อน ทำให้ผู้ติดเชื้อมีโอกาสป่วยช้าลง นอกจากนี้ยังเพิ่มภูมิคุ้มกันทำให้ผู้ติดเชื้อมีร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่าย และอายุยืนขึ้น
- ช่วยเสริมสมรรถภาพทางเพศ มีการศึกษาในประเทศจีน โดยให้ผู้ป่วยโรคเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ 60 คน ดื่มน้ำต้มจากส่วน fruit bodies ของเห็ดชนิดนี้ นาน 1 เดือน พบว่า ผู้ป่วย 17 คน ระบุว่ามีอาการค่อนข้างดีขึ้น 25 คน ระบุว่าช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ 14 คน ระบุว่า ช่วยรักษาอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ และ 4 คน ระบุว่าไม่มีผลต่อการรักษา
วิธีกินเห็ดหลินจือ ให้ได้ประโยชน์เต็มที่
ก่อนจะรู้ว่าวิธีทานเราควรทราบก่อนว่าเห็ดหลินจือนั้นเหมาะสำหรับใคร เนื่องจากเห็ดชนิดนี้มีสรรพคุณหลากหลายที่ช่วยป้องกันและรักษาโรค ดังนั้นจึงเหมาะกับกับทั้งบุคคลทั่วไปและคนสูงวัยที่เป็นโรคหรือมีอาการดังกล่าวข้างต้น
การรับประทานแบ่งได้ 3 รูปแบบ
1. ต้มแบบโบราณ โดยการนำเห็ดที่แห้งแล้วนำมาต้มและเคี่ยว ซึ่งเป็นวิธีที่ค่อนข้างยุ่งยาก ไม่ค่อยสะดวก และไม่ค่อยนิยมในปัจจุบัน
2. วิธีบดให้เป็นผง โดยนำเนื้อเห็ดมาบดให้เป็นผงแล้วบรรจุใส่แคปซูล แต่หากไม่ผ่านการฆ่าเชื้ออาจทำให้มีเชื้อราปนเปื้อนได้ โดยวิธีนี้จะได้สารสำคัญที่มีความเข้มน้อยและดูดซึมได้ยาก
3. ทำเป็นสารสกัด เห็ดหลินจือแบบแคปซูล ซึ่งได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะจะได้สารสกัดที่เข้มข้น มีสรรพคุณที่ดี ดูดซึมและออกฤทธิ์ได้ดีกว่า ที่สำคัญก็คือมีมาตรฐานการผลิตที่สะอาดและปลอดภัย เนื่องจากผ่านการฆ่าเชื้อราที่ปนเปื้อนในเห็ดแล้ว
ปริมาณและวิธีทานเห็ดหลินจือสกัดหรือแบบแคปซูล
- กรณีทานรักษาโรคทั่วไป ให้ทานปริมาณ 500–2,000 มิลลิกรัมต่อวัน
- กรณีทานบำรุงร่างกาย ให้ทานปริมาณ 10–200 มิลลิกรัมต่อวัน
ทานตอนไหนดีที่สุด? ช่วงเวลาที่ร่างกายจะสามารถดูดซึมสารได้ดีที่สุดนั้น ก็คือช่วงเวลาที่ท้องว่าง โดยแนะนำให้รับประทานตอนเช้าในขณะที่ท้องว่าง แล้วดื่มน้ำตามมาก ๆ หรือก่อนเข้านอน 1 ชั่วโมง
เห็ดหลินจือผลข้างเคียง มีอะไรบ้าง?
แม้มีงานวิจัยพบว่า การทานเห็ดชนิดนี้ปริมาณ 1,500-9,000 มิลลิกรัมต่อวัน ไม่พบผลข้างเคียงอย่างรุนแรง หรือมีน้อยมาก และไม่มีสารตกค้างที่ตับหรือไต แต่อาจมีผลข้างเคียงบ้างในบางคนที่มีอาการแพ้เห็ด แต่ก็ไม่ใช่อาการที่รุนแรงมาก เช่น
- มีอาการคลื่นไส้ อาเจียร
- ท้องเสีย
- เวียนศีรษะ ปวดหัว
- ปากแห้ง คอแห้ง
- มีอาการคัน ผื่นขึ้น
- เลือดกำเดาไหล
ข้อควรระวังในการบริโภค ผู้ที่ควรหลีกเลี่ยง
- สตรีมีครรภ์และแม่ที่ให้นมบุตร
- คนที่มีความดันโลหิตต่ำ
- ผู้ที่มีภาวะเลือดออกผิดปกติ
- ผู้ที่มีภาวะเกล็ดเลือดต่ำ
- ผู้ป่วยที่กำลังจะเข้ารับการผ่าตัด
- ผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิต้านเนื้อเยื่อของตนเอง
- ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยยากดภูมิคุ้มกัน
ในการณีผู้ป่วยที่โรคประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์ก่อนหาซื้อมาทานเอง เพราะบางโรค บางอาการ อาจจะมีผลข้างเคียงกับวิธีการรักษาโรคแผนปัจจุบันได้
การเลือกซื้อ
เห็ดหลินจือเป็นสมุนไพรที่มีราคาแพง ที่ถูกนำมาใช้ในการดูแลสุขภาพ แต่ในปัจจุบันราคาถูกลงมาจากแต่ก่อนมาก จึงสามารถหาบริโภคกันได้อย่างแพร่หลาย มีทั้งรูปแบบอาหารเสริมแบบแคปซูล ผงสกัด หรือแม้แต่เครื่องดื่มสำเร็จรูป พอได้ทราบถึงสรรพคุณและประโยชน์มากมายข้างต้นแล้ว ก็ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมถึงได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน
ในปัจจุบันเห็ดหลินจือจะปลูกในฟาร์มระบบปิดที่มีการวิจัย มีการควบคุมการเพาะปลูกด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้เห็ดเติบโตขึ้นภายใต้สภาวะที่เหมาะสม และมีปริมาณสารออกฤทธิ์ที่สูงกว่าเห็ดที่เติบโตเองตามธรรมชาติ จึงได้มาตรฐานด้านคุณภาพ ความปลอดภัย และความมั่นใจให้กับผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น
จะเห็นได้ว่า เห็ดหลินจือมีประโยชน์และสรรคุณ ครบเครื่องบำรุงแทบจะทั่วทั้งร่างกายเลยทีเดียว แต่ถ้าจะช่วยเสริมให้สรรพคุณดียิ่งขึ้น ต้องมีตัวช่วยอย่าง ถั่งเช่า โสมเกาหลี และเบต้ากลูแคนจากโอ๊ต ที่เป็นส่วนผสมเพิ่มเข้ามา
ตอนนี้ CORDY-1 ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารได้รวมส่วนผสม ถั่งเช่าทิเบตแท้ เห็ดหลินจือแดง โสมเกาหลี และเบต้ากลูแคน สกัดเข้มข้น อัดแน่นใน 1 แคปซูล ที่จะมาช่วยดูแลสุขภาพให้คุณ
เลขที่ อย. : 11-1-18157-5-0006
แหล่งอ้างอิง
- wikipedia
- สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, ถาม-ตอบ
- (http://www.medplant.mahidol.ac.th/user/reply.asp?id=6299), 11 พฤศจิกายน 2558
- (http://www.medplant.mahidol.ac.th/user/reply.asp?id=5954), 24 สิงหาคม 2555
- สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ, แนะใช้ภูมิปัญญาไทยดูแลคุณภาพชีวิตผู้ติดเชื้อเอดส์
- https://www.pharmacy.mahidol.ac.th/th/researchknowledge/article/19/เห็ดหลินจือจากงานวิจัยสู่การใช้ประโยชน์/
- นพ.นิวัฒน์ ศิตวัฒน์, รศ.พญ.นริสา ฟูตระกูล, นพ.บรรเจิด ตันติวิท